แผ่นดินไหวไม่กระทบอาคารที่ทำการใหม่ สทนช. ยืนยันมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย ไร้รอยแตกร้าว ระดมผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบซ้ำรู้ผลภายใน15วัน

สทนช. ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงการก่อสร้างอาคารที่ทำการ สทนช. หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ยืนยัน แข็งแรง ปลอดภัย เผยการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบรอยร้าว ไม่มีความเสียหาย เผยการออกแบบอาคารสามารถรองรับแผ่นดินไหวสูงสุดถึง 3 เท่าของความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยทเร่งประสานผู้มีใบอนุญาตตรวจสอบอาคารอย่างละเอียดอีกครั้ง ขีดเส้นแล้วเสร็จภายใน 15 วัน พร้อมย้ำการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพล

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. และประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (อาคาร สทนช.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงของการก่อสร้างอาคารที่ทำการถาวรหลังจากการเกิดแผ่นดินไหว เพื่อสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้ผู้ปฏิบัติงานก่อสร้างและการใช้งานอาคารในอนาคต ณ อาคารที่ทำการ สทนช. ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อเร็วๆนี้ ว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สทนช. พร้อมด้วยผู้ออกแบบอาคารที่ทำการ สทนช. ที่ปรึกษาควบคุมงาน และผู้รับจ้าง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงของการก่อสร้างอาคารที่ทำการ สทนช.แห่งใหม่ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างทันทีถึง 2 ครั้ง พร้อมทั้งได้ประชุมหารือร่วมกับทีมงานที่ปรึกษาและกิจการร่วมการค้าเอ็นซีอาร์อีซี

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ จากการตรวจสอบ สภาพอาคารที่ทำการ สทนช. ในครั้งนี้ ได้มีการประเมินตามหลักการตรวจสอบภายนอก visual check ไม่พบว่า อาคารมีรอยร้าวหรือส่วนประกอบอื่นเกิดความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งการออกแบบของอาคารที่ทำการ สทนช. เป็นไปตามมาตรฐานของการก่อสร้างอาคารสูงทุกประการ โดยตระหนักถึงความถูกต้อง มั่นคงและปลอดภัยในทุกขั้นตอนการก่อสร้าง ที่ยึดหลักกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างการก่อสร้างที่ผ่านมา สทนช. ได้มีการติดตามตรวจสอบการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานและขอบเขตข้อกำหนดของงานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย เพื่อให้ได้อาคารที่ทำการ สทนช. ที่ได้มาตรฐาน มีความมั่นคง แข็งแรง ตลอดจนสร้างขวัญและกำลังใจให้งเจ้าหน้าที่ สทนช. ในการปฏิบัติหน้าที่บูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561

อย่างไรก็ตาม เพื่อยืนยันความปลอดภัยในระหว่างการก่อสร้างอาคาร ภายหลังจากเกิดแผ่นดินไหว สทนช. ได้มีการสั่งหยุดงานชั่วคราว และได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน ประสานผู้มีใบอนุญาตตรวจสอบความมั่นคงและปลอดภัยของอาคารอย่างละเอียดอีกครั้ง ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยหลังจากการตรวจสอบจากผู้มีใบอนุญาตตรวจสอบยันยันถึงความปลอดภัยแล้ว จึงจะอนุญาตให้คนงานเข้าดำเนินการก่อสร้าง พร้อมทั้งได้เร่งรัดก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
สำหรับอาคารที่ทำการ สทนช. ดำเนินการก่อสร้างโดย กิจการร่วมการค้า เอ็นซีอาร์อีซี ซึ่งประกอบด้วย บริษัทเนาวรัตน์ พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR ถือหุ้น 51% และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CREC ถือหุ้น 49% ซึ่งชนะการประกวดราคาโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) ด้วยราคา 716.45 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างอาคารสูง 16 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น โดยมีกิจการค้าร่วมบริษัท ทรานส์ เอเซีย คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอส เอ็น ที คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างและรับรองการทดสอบคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างทุกรายการ เริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคม 2562 มีระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน (540 วัน) แต่ได้มีการขยายระยะเวลาก่อสร้าง เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้วประมาณ 99% คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปีงบประมาณ 2569
โฆษก สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า อาคารที่ทำการ สทนช. สร้างบนเนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน ในพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่บางส่วนของกรมชลประทาน โดย สทนช. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ออกแบบตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญได้ออกแบบให้สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ถึง 3 เท่าของแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งแผ่นดินไหวในครั้งเป็นหลักฐานยืนยันถึงความปลอดภัยที่ได้ออกแบบรองรับไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานที่เลือกใช้กระจกชนิดที่มีค่าการส่งผ่านความร้อนต่ำ (U-value) เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดเข้าสู่ตัวอาคาร ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับระบบปรับอากาศได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งคุณสมบัติพิเศษของกระจกยังไม่ทำให้เกิดการสะท้อนความร้อนไปรบกวนพื้นที่ข้างเคียงอีกด้วย พร้อมกับจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สทนช. ยังได้พิจารณาคัดเลือกโครงการนี้เข้าร่วมโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) ของกรมบัญชีกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และเป็นอาคารเขียวตามมาตรฐาน Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability for New Construction (TREE-NC) ของสถาบันอาคารเขียวไทย ให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้องค์ประกอบ สถานที่ยั่งยืน ระบบคมนาคมขนส่งสะดวก และมีประสิทธิภาพการใช้น้ำของอาคาร เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับองค์กรอีกด้วย” รองเลขาธิการ สทนช.กล่าวในตอนท้าย