ACT ออกแถลงการณ์รับ “กม.ฟ้องปิดปาก” ชื่นชม “รัฐสภา-ป.ป.ช.” ปลดล็อค 10 ปีที่รอ เสนอเดินหน้าต่อ “ผู้บริโภค-สวล.-สิทธิมนุษยชน”

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ออกแถลงการณ์ “การประกาศใช้มาตรการป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP law) ผู้เปิดโปง ชี้เบาะแสหรือเป็นพยานในคดีคอร์รัปชัน” โดยกล่าวขอบคุณและชื่นชม“รัฐสภา-ป.ป.ช.” ที่ผลักดันสนับสนุนจนไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีกฏหมายนี้ พร้อมเสนอแนะให้เร่งศึกษาและเดินหน้าต่อใน 3 ประเด็นปัญหาร้อน ได้แก่ “สิทธิผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน”

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่ต้องแสดงความชื่นชมและขอบคุณรัฐสภา รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้ร่วมผลักดันพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ให้มี “มาตรการป้องกันการฟ้องปิดปาก” (Anti – SLAPP Law)  ซึ่งข้อเรียกร้องนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ  นับเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพราะมาตรการนี้จะเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจให้คนไทยทุกภาคส่วนพร้อมจะมีส่วนร่วมต่อต้านคอร์รัปชันมากขึ้น ด้วยกฎหมายนี้มีเป้าหมายปกป้องคุ้มครองประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เปิดโปง ชี้เบาะแส หรือเป็นพยานในคดีคอร์รัปชันมิให้ถูกกลั่นแกล้ง ฟ้องร้อง ข่มขู่โดยง่าย อีกทั้งยังเป็นมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ และอนุสัญญา UNCAC 2003  โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีมาตรการนี้

“มาตรการนี้จะเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพการแสดงออกซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่จะส่งเสียงและร่วมตรวจสอบการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้กระบวนการยุติธรรมถูกนำมาใช้ข่มขู่ คุกคาม  หรือขัดขวางการตรวจสอบของประชาชนและสื่อมวลชนที่กล้าพูดความจริงเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ”

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวและว่า นอกจากการมีมาตรการป้องกันการฟ้องปิดปากในคดีทุจริตคอร์รัปชันแล้ว ขอเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งศึกษาและเสนอกฎหมายเพิ่มเติมอย่างน้อยในอีก 3 ประเด็นปัญหาที่มีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่อง  ได้แก่ ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมและบุกรุกป่า ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยจุดร่วมของทั้งสามปัญหายังคาบเกี่ยวกับการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนผู้นำเสนอข่าว เพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะแต่กลับถูกคู่กรณีฟ้องปิดปาก หลายกรณีเป็นคดีความที่สังคมร่วมกันจับตาและตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งอาจขยายผลกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาชาติ