ส.ป.ก. จับมือ ธ.ก.ส. เพิ่มมูลค่าโฉนดเพื่อการเกษตร ทะลุ 490,000 ล้านบาท เป็นของขวัญปีใหม่ไทย
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) เป็นประธาน ในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่าง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เรื่อง การให้ผู้ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ขอรับสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในวันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567 ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ต้องการให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์เพื่อสร้างโอกาสในการมีอาชีพ รายได้ และความมั่นคงในชีวิตโดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน มีชีวิตที่มั่นคง พิจารณาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็นโฉนดเพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ นำมาพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นระยะยาว ประกอบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ที่ต้องการเปลี่ยนเอกสารสิทธิที่ดินจากหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร พร้อมขยายสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็นที่ยอมรับเพื่อเพิ่มมูลค่าและใช้ค้ำประกันสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้อย่างกว้างขวาง ส.ป.ก. ในฐานะผู้รับผิดชอบการเปลี่ยนเอกสารสิทธิที่ดินจาก ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ได้ดำเนินการแก้ไขระเบียบให้รองรับโฉนดเพื่อการเกษตร ตลอดจนสิทธิและการใช้ประโยชน์ส่วนเพิ่มเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะการใช้โฉนดเพื่อการเกษตรเป็นหลักประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส.
ในการนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กษ. ได้เผยว่า “รัฐบาลมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะเห็นเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน มีที่ดินทำกิน สามารถพัฒนาอาชีพและรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์เพื่อพัฒนาอาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวในระยะยาว ซึ่ง ส.ป.ก. ได้ดำเนินการยกระดับ ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมตลอดถึงการใช้ค้ำประกันสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่างๆ หรือการใช้โฉนดเพื่อการเกษตรเป็นหลักประกันตัวบุคคล โดย ส.ป.ก. จะยังคงแสวงหาความร่วมมือเพื่อขยายสิทธิประโยชน์ของโฉนดเพื่อการเกษตรเพื่อเสริมสร้างความผาสุกของพี่น้องเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต่อไป”