กยท. ขานรับนโยบาย รมว.กษ. เอาจริง ! เดินหน้าร่วมปราบปรามยางเถื่อน

การยางฯ ขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ พร้อมเดินหน้าร่วมทัพเข้าปราบปรามขบวนการนำเข้ายางผิดกฎหมาย เร่งสำรวจผลผลิตยาง สร้างสมดุลหนุนปัจจัยขับเคลื่อนด้านราคา

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ที่ให้ความสำคัญในแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงยางพารา โดยเร่งเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้บูรณาการความร่วมมือและจัดตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้านพืชผิดกฎหมายขึ้น ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกำหนดแผน แนวทางการปราบปราม ทั้งการตรวจสต๊อกยางตามแนวชายแดน การเคลื่อนย้าย รวมถึงรวบรวมข้อมูลปริมาณยางคงเหลือ ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการตามแนวทางที่วางไว้โดยทันที พร้อมรายงานผลการดำเนินงานให้คณะทำงานฯ ทราบทุก 15 วัน

สำหรับ กยท. พร้อมให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามแนวทางอย่างเต็มที่ โดยการลงพื้นที่เข้าตรวจสถานประกอบการผู้รับใบอนุญาตค้ายาง ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานปกครอง เข้าตรวจสอบทะเบียนร้านค้า การทำบัญชีผู้รับซื้อยางพารา พร้อมชี้แจงให้ร้านค้าในพื้นที่ทราบเกี่ยวกับโทษในการรับซื้อยางพาราที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี และกำกับควบคุมสถาบันเกษตรกรฯ ไม่ให้รับซื้อยางที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงตั้งจุดสกัด โดยหลังจากนี้จะร่วมเข้าตรวจสต๊อกยาง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ควบคุมยาง พ.ศ.2542 ภายใต้ความรับผิดชอบหลักของกรมวิชาการเกษตรซึ่งพนักงานของ กยท. ได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติม ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 60 ทั้งนี้ กยท. เตรียมจัดสรรงบประมาณจากกองทุนเพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินการควบคุมปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนมอบหมายให้ กยท.จังหวัด และ กยท. สาขา ที่อยู่ในพื้นที่เขตพรมแดน ดำเนินการสำรวจการผลิตยางธรรมชาติของเกษตรกร ทั้งปริมาณ รูปแบบของผลผลิตยางที่ขาย จำแนกเป็นน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบ และนำมาประมวลผลเพื่อทำข้อมูลห่วงโซ่อุปทานการผลิตยางธรรมชาติในประเทศ (เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ) ช่วยให้ทราบว่าปริมาณยางที่ขายในตลาดหรือพื้นที่นั้นๆ มียางเถื่อนปนอยู่ด้วยหรือไม่ และตั้งเป้าหมายสำรวจให้ครอบคุมทั่วประเทศ นำข้อมูลมาคำนวณและจัดทำสมดุลยางพาราและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นได้

ผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายของ รมว. กษ. ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการยางพาราอย่างรอบด้าน ลงมือแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและจริงจัง ส่งผลให้ราคายางพาราในปัจจุบันมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 4-5 บาทต่อกิโลกรัม ประกอบประมาณผลผลิตยางช่วงนี้ที่มีปริมาณลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ซึ่งส่งผลต่อราคายาง โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางที่ดีต่อไป