จากพระมหากรุณาธิคุณ วันนี้ราษฎร ต.ถ้ำสิงขร มีน้ำกิน น้ำใช้ อย่างต่อเนื่อง
ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ราบสูง จากด้านทิศใต้ ลาดต่ำลงทางทิศเหนือสู่คลองพุมดวง มีภูเขาหินลูกโดด 2 ลูก คือเขาน้อย และ เขาถ้ำสิงขร มีลำคลองสายหลัก อยู่ 2 สาย คือ คลองพุมดวง ไหลผ่าน อำเภอตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอพุนพิน และคลองแทงเต่าไหลผ่านทั้งตำบลไปสู่คลองพุมดวงมีระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร มีสวนยางพารา สวนปาล์ม และสวนผลไม้ ประมาณร้อยละ 80 อีกร้อยละ 20 ประกอบอาชีพ รับจ้าง ข้าราชการ ค้าขาย ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ จากการเพิ่มขึ้นของประชากร และการใช้ประโยชน์ของที่ดินที่ขาดความระมัดระวังเมื่ออดีต ประกอบกับพื้นที่มีความลาดเอียง ตะกอนดินจึงไหลทับถมลงมาในพื้นที่ราบเป็นผลให้เส้นทางน้ำตามธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลง พื้นที่ที่เคยได้รับน้ำก็จะแห้งขอดเป็นผลให้แปลงเพาะปลูกได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำในการบำรุงต้นพืช โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งในหลายพื้นที่ขาดน้ำโดยสิ้นเชิง
ต่อมานายศรีศักดิ์ ขุนเสถียร ราษฎรหมู่ที่ 7 ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะตัวแทนของราษฎรในพื้นที่ได้ขอพระราชทานความช่วยเหลือโครงการก่อสร้างอาคารอัดน้ำพร้อมขุดลอกอ่างเก็บน้ำธรรมรัตน์และระบบท่อส่งน้ำ ให้แก่ราษฎรหมู่ที่ 7 9 และ 10 ตำบลถ้ำสิงขร ซึ่งประสบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2553
นายบุญเลิศ ไชยคง หนึ่งในเกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการเปิดเผยว่า ตั้งแต่มีโครงการมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ
ต่างจากเมื่อก่อนที่ขาดแคลน ทุกคนได้รับประโยชน์โดยตรง ทั้ง ภาคเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การอุปโภค บริโภค มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี พืชสวนที่ปลูกตั้งแต่ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน เงาะ ซึ่งต้องใช้น้ำมากโดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง ก็ไม่ขาดแคลน ทำให้ได้รับผลผลิตที่ดี สมบูรณ์ขายได้ราคา ทุกคนต่างมีรายได้อย่างมั่นคง
“ขอขอบคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่พระราชทานโครงการทำนบดินพร้อมระบบสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านบ่อน้ำผุดมาให้ราษฎรในพื้นที่ เป็นโครงการที่ทุกคนได้รับประโยชน์อันใหญ่หลวง ขอให้ทุกพระองค์ทรงพระเจริญ” นายบุญเลิศ ไชยคง กล่าว
ด้านนางสาวสุพินพงศ์ ช่างสุวรรณ อีกหนึ่งเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ ฯ กล่าวว่า ตนอยู่บ้านบ่อน้ำผุด ตำบลถ้ำสิงขร มาตั้งแต่เกิด เมื่อก่อนน้ำไม่มี ต้องขุดบ่อตักน้ำขึ้นมาใช้ ตั้งแต่มีโครงการมีน้ำกินน้ำใช้สะดวกมากขึ้น ที่บ้านมีอาชีพทำสวน มีพื้นที่ 13 ไร่ ปลูกทุเรียน ลองกอง ลางสาด มังคุด เงาะ และพืชแบบผสมสาน สำหรับบริโภคในครัวเรือน ผลผลิตที่เหลือนำไปขาย ตั้งแต่มีโครงการฯ ผลผลิตที่ปลูกดีขึ้นอย่างมาก
“รู้สึกภูมิใจมากที่มีน้ำได้ใช้อย่างพอเพียง ดีใจและภาคภูมิใจที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงดูแลไม่ทอดทิ้งประชาชน พระองค์ทรงมอบโครงการนี้มาให้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นมาก” นางสาวสุพินพงศ์ ช่างสุวรรณ กล่าว
และเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายวิกรม คัยนันทน์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการฯ โดยรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการจากผู้แทนกรมชลประทาน และผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ
พบว่าปัจจุบันโครงการยังสามารถใช้การได้อย่างปกติโดยส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนบ้านบ่อน้ำผุด หมู่ที่ 7 บ้านทรายขาว หมู่ที่ 9 และบ้านร่มจิตต์ และหมู่ที่ 10 ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 625 ครัวเรือน ประชากร จำนวน 1,512 คน รวมถึงส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่การเกษตร ประมาณ 2,000 ไร่ ได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี นับตั้งแต่มีโครงการฯ ได้ช่วยให้ราษฎรสามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิด มีรายได้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โอกาสนี้องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูแล รักษา ต่อยอด โครงการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราษฎร สืบไป