รองปลัดเกษตรฯ กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย ภายใต้การประชุมสมัชชาใหญ่ FAO สมัยที่ 43

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ห้องประชุม Plenary สำนักงานใหญ่ FAO กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ นางสาวรัชนก แสงเพ็ญจันทร์ รักษาราชการแทนอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) และนางศุภจิต ศรีอริยวัฒน์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ FAO สมัยที่ 43 (The 43rd Session of the FAO Conference) ในวาระการประชุม Agenda Item 10 เรื่อง การรายงานสถานภาพการเกษตรและอาหารของโลก (Review of the State of Food and Agriculture) ภายใต้หัวข้อ “Water resources management for the four betters: better production, better nutrition, better environment and better life” 

รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงภายใต้หัวข้อดังกล่าว ว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่อาศัยน้ำจากฤดูฝนในการทำเกษตรกรรม และจากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ทำให้เกิดภาวะความแห้งแล้ง ภาวะน้ำท่วม และภาวะมลพิษทางน้ำ ประเทศไทยจึงประยุกต์ใช้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาด้านทรัพยากรน้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นการสร้างความมั่นคงด้านการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทยอย่างเป็นระบ[ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “วันดินโลก (World Soil Day)” ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี และในโอกาสครบรอบ 10 ปีวันดินโลก ในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวันดินโลกภายใต้แนวคิด “Soils and Water: a source of life”

ทั้งนี้ รองปลัดฯ ได้กล่าวเสริมเพื่อเชิญชวนประเทศสมาชิก FAO เข้าร่วมกิจกรรม Healthy Soils for Healthy Food and Nutrition ซึ่งเป็นกิจกรรมย่อยภายใต้การประชุม Global Soil Partnership ในหัวข้อ Spirit of Soils, Spirit of Partnership มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เพื่อเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบริหารจัดการดินและน้ำอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ FAO