ธ.ก.ส. เติมทุน 1.5 แสนล้าน เสริมแกร่งธุรกิจหัวขบวน หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

วันที่ 30 สิงหาคม 2565 นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมชมงานกลุ่มทักษิณ ปาล์ม ซึ่งดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครบวงจร ตั้งแต่ต้นกล้าปาล์มจนถึงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ มีการนำระบบบริหารที่ลดปริมาณของเสีย (Zero Waste) และส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีคณะผู้บริหารและเกษตรกรสมาชิก ให้การต้อนรับ ณ บริษัท ทักษิณ ปาล์ม (2521) จำกัด ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.


นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบ ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาปัจจัยในการเติบโตจากสภาพอากาศ ธ.ก.ส. ตระหนักถึงความสำคัญในปัญหาดังกล่าว และพร้อมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพลูกค้า โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เข้าไปเติมองค์ความรู้ ทั้งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ที่เน้นสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและกลุ่มเกษตรกรในการขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านการแปรรูปผลผลิต วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SME เกษตรหัวขบวนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Smart Farmer) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่พร้อมนำความรู้และประสบการณ์กลับไปพัฒนาและต่อยอดธุรกิจที่บ้านเกิดผ่านสินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพและสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการดำเนินงานและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลัก BCG ด้วยการทำเกษตรแบบอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย การใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการส่งเสริมและสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) วงเงิน 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR – (0.5 – 1) ต่อปี เป็นต้น


สำหรับกลุ่มทักษิณ ปาล์ม เป็นผู้ประกอบการหัวขบวนในโครงการการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิต มีการจำหน่ายต้นกล้าปาล์มหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ พันธุ์ดามี พันธุ์ไนจีเรียแบล็ค พันธุ์ โกลด์เด้นเทอเนอร่าและพันธุ์ลาเม่ จนถึงการสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อจำหน่ายในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และการใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิง เป็นจุดรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในราคาสูงกว่าตลาดเพื่อนำไปสกัดและจำหน่าย ซึ่งหลังจากกระบวนการสกัดน้ำมันแล้ว มีการนำเศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการลดปริมาณของเสีย (Zero Waste) และส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนั้น ยังเป็นหัวขบวนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนด้วยการสนับสนุนการรวมกลุ่มในรูปแบบของเกษตรแปลงใหญ่และบริหารจัดการแผนการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรมีตลาดรองรับในการจำหน่ายผลผลิต มีรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังจัดหาและจำหน่ายปุ๋ยให้กับเกษตรกรในราคาต้นทุน ควบคู่กับการส่งเสริมความรู้ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิต เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปสู่วิถีเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนและสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรมของไทย